“ตอนนั้นเราทุกคนในครอบครัว ตัดสินใจกินมังสวิรัติเป็นระยะเวลา 100 วัน เพื่ออุทิศกุศลบุญให้กับคุณแม่ แต่หลังจาก 100 วันแล้ว ฉันก็คิดว่า การไม่กินเนื้อสัตว์ มันมีแต่ผลดี ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะหยุด ทำให้ฉันกินมังสวิรัติมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ” จิตอาสาฉือจี้ คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ บอกเล่าถึงการตัดสินใจกินมังสวิรัติของตนเอง
จากความเสียใจอันใหญ่หลวง ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ผู้เป็นที่รักไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ พ.ศ.2534 ในขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ คุณสุกัญญาเลิกกินเนื้อสัตว์ หันมากินมังสวิรัติ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี
คุณสุกัญญา ยังเล่าต่ออีกว่า ในตอนนั้นตนเองไม่ได้มีความคิดซับซ้อนอะไร เพียงแค่ต้องการอุทิศกุศลบุญให้คุณแม่ จึงเลิกกินเนื้อสัตว์ อีกทั้งต่อมาภายหลังได้มีโอกาสศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนไม่เพียงช่วยเยียวยาจิตใจที่โศกเศร้า เพราะเข้าใจความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์เราไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไปเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น นอกจากกิเลสความอยากลิ้มลองในรสชาติเท่านั้น
เมื่อเข้าใจ จึงยืนหยัด
คุณสุกัญญา ตระหนักดีถึงคุณประโยชน์ของการละเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ เพราะนอกจากจะฟูมฟักเมตตาจิตแล้ว ยังเป็นการตัดวิบากกรรมที่ต้นเหตุ ไม่ต้องติดค้างหนี้ชีวิตสรรพสัตว์ที่กินเข้าไปอีกด้วย และจากการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ยังให้การยืนยันว่า แท้จริงแล้ว มนุษย์ควรละเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ คุณสุกัญญากล่าวว่า “จริงๆ เราทุกคนไม่ควรกินเนื้อสัตว์ค่ะ ดูได้จากโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ ที่คล้ายสัตว์กินพืชจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม ฟันของมนุษย์ก็ไม่แหลมคมพอที่จะกัดหรือฉีกเนื้อหนังและกระดูกของสัตว์ ลำไส้ของมนุษย์นั้นก็ยาวเหมือนลักษณะของสัตว์กินพืชชั้นสูง ดังนั้น เราจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปกินเนื้อของสัตว์อื่น”
ย้อนกลับไปช่วงแรก ที่คุณสุกัญญาตัดสินใจหันมารับประทานมังสวิรัติ ด้วยความห่วงใยที่ผู้เป็นบิดามีต่อบุตรสาว เกรงว่าจะได้รับสารอาหารไม่ครบ จึงเคยเสนอให้บุตรสาวรับประทานเนื้อสัตว์ในบางมื้อของบางวัน โดยคุณสุกัญญาเล่าว่า “คุณพ่อเคยบอกว่า ให้ฉันลองกำหนดสักวัน เพื่อกลับไปกินเนื้อสัตว์สักมื้อดีไหม เพราะตอนนั้นประชากรโลกกว่า 4,000 ล้านคน คนที่กินมังสวิรัติจริงๆ ก็มีไม่เยอะ อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังคงยืนหยัดในความตั้งใจของตัวเอง ที่ต้องการละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ คนในครอบครัวเองก็เข้าใจ จึงไม่มีใครคัดค้าน และที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือ ไม่ว่าฉันไปร่วมรับประทานอาหารที่ไหน ทุกคนที่นั่นก็จะร่วมกินมังสวิรัติเป็นเพื่อนฉันค่ะ”
ขอบคุณทุกช่วงเวลา
คุณสุกัญญากล่าวว่า “ฉันขอบคุณการตัดสินใจของตนเองในปีนั้นเป็นอย่างมาก เพราะคุณแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว ทำให้ฉันมีโอกาสหันมารับประทานอาหารมังสวิรัติ ทำให้ห่างไกลจากโรคที่คนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นมาก่อน เช่น โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น เพราะจนถึงตอนนี้ สุขภาพของฉันก็ยังคงแข็งแรงดีอยู่ค่ะ”
จากจุดเริ่มต้นด้วยความกตัญญูและความเมตตา ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหาร เคารพสิทธิในการมีชีวิตของสรรพสัตว์ และเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะมีจิตใจอันแน่วแน่ การรับประทานมังสวิรัติจึงมิใช่เรื่องยาก
คุณสุกัญญาทุ่มเทศึกษาพุทธธรรม ไปพร้อมกับไขว่คว้าโอกาสในการทำดีบริการผู้อื่น แสดงให้เห็นแล้วว่า เส้นทางพระโพธิสัตว์ฉือจี้นั้น คือ การบำเพ็ญบุญไปพร้อมกับการบำเพ็ญสติปัญญา
เรื่อง บุษรา สมบัติ 
ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี
