"แม้จะเดินแต่ละก้าวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าใจมุ่งมั่นก็ไม่ยากเกินไปค่ะ" จิตอาสาฉือจี้ คุณกานดา มะเฟือง บอกเล่าถึงความตั้งใจของตนเองในการมาร่วมเป็นจิตอาสา ทำความดีช่วยเหลือสังคม แม้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายเชื่องช้ากว่าคนอื่น แต่คุณกานดาก็ยังคงทำทุกภาระหน้าที่ของตนเอง ให้สำเร็จลุล่วงลงด้วยดีเสมอ
1
หอบร่างกายที่เจ็บป่วย ช่วยเหลือผู้คนด้วยความยินดี
คุณค่าของชีวิตอยู่ที่การแสดงศักยภาพของตน เราทุกคนเกิดมาด้วยคุณค่าในตัวเองทั้งสิ้น ขอเพียงมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยินดีทุ่มเทเสียสละ แม้จะเป็นเพียงพลังเล็กๆ แต่หากสั่งสมผ่านวันเวลา ก็ย่อมเกิดผลอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่เพียงสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น แต่ยังทำให้ชีวิตของตนเองมีคุณค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย
สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง คือ ความปรารถนาสูงสุดของทุกคน ดังคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโรค คือ ลาภอันประเสริฐ” เพราะร่างกายจิตใจที่ไร้โรคภัย ทำให้ชีวิตเราได้รับโอกาสเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ดังนั้นขอให้ใช้เวลาในปัจจุบันอย่างคุ้มค่า ทำความดีอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า จะมีวิธีการใดเพื่อก้าวผ่านช่วงเวลานั้นไปให้ได้
“ฉันป่วยเป็นมะเร็งมดลูก โรคแพ้ภูมิตัวเอง รูมาตอยด์ ความดันโลหิตสูง หอบหืด และภูมิแพ้ค่ะ” จิตอาสาฉือจี้ คุณกานดา มะเฟืองหรือ “ป้าดา” บอกเล่าถึงโรคภัยต่างๆ ของตนในปัจจุบัน
แม้จะป่วยด้วยโรคภัยมากมาย แต่ป้าดาในวัย 60 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาล ยังคงสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หมั่นดูแลสุขภาพตนเองในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการพักผ่อนและอาหารการกิน เพื่อให้สามารถอยู่กับครอบครัวให้ได้นานที่สุด รวมถึงใช้ความรู้และประสบการณ์ทางการแพทย์ที่สั่งสมมายาวนานกว่า 30 ปี ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ของตนเอง ร่วมทำงานจิตอาสาฉือจี้ “ตอนนี้ป้าจะไปช่วยดูแลผู้ป่วยติดเตียง ทุกๆ 15 วัน โดยช่วยอาบน้ำให้เขา 1 ครั้ง โดยมีจิตอาสาคนอื่นๆ ไปช่วยกัน เพราะยกคนเดียวไม่ไหว ระหว่างอาบน้ำ เราก็จะทำความสะอาดบ้านให้ทุกอย่าง ล้างห้องน้ำ ล้างถ้วย ล้างชาม ถูพื้น ทำความสะอาดเตียง ทิ้งของเสียอะไรของเขาที่มีอยู่ค่ะ” ป้าดาแบ่งปันงานของจิตอาสาฉือจี้ที่ตนรับผิดชอบ
2
เปลี่ยนจากผู้รับ เป็นผู้ให้
ปกติแล้ว ผู้ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมักจะพักรักษาตัวอยู่กับบ้านเฉยๆ แล้วเพราะเหตุใดป้าดาจึงยินดีร่วมทำงานจิตอาสาฉือจี้ จากการบอกเล่าของป้าดา ทำให้ทราบว่า เพราะฉือจี้สงเคราะห์ค่าเลี้ยงดูบุตรสาวตั้งแต่เด็ก และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 18 ปีแล้ว ด้วยความซาบซึ้งใจในความช่วยเหลือของฉือจี้ จึงยินดีเปลี่ยนบทบาทร่วมเป็นจิตอาสา ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น โดยป้าดาตัดสินใจเข้าร่วมชั้นเรียนอบรมกรรมการฉือจี้ในปี พ.ศ. 2559 และได้รับรองวุฒิกรรมการฉือจี้จากท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนในปลายปี พ.ศ.2560 ร่วมเป็นหนึ่งในจิตอาสาฉือจี้อย่างเป็นทางการ
ป้าดาไม่เพียงทำงานจิตอาสาดูแลผู้ป่วยในชุมชนตามที่ตนถนัด ในทุกๆ วันอังคาร ป้าดายังออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรถ 3 ต่อ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เดินทางมายังมูลนิธิพุทธฉือจี้ เพื่อทำหน้าที่จิตอาสานาบุญ สละแรงกาย ทุ่มเทแรงใจ ช่วยปัด กวาด เช็ด ถู ดูแลความสะอาดเรียบร้อยด้วยความตั้งใจ ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตน “อยากตอบแทนในสิ่งที่เราทำให้ได้ หรือสามารถทำให้ได้ เพื่อทดแทนคุณที่ฉือจี้ช่วยเหลือเราค่ะ”
ยิ่งทำความดี ยิ่งมีความสุข เมื่อสุขภาพจิตดี สุขภาพร่างกายก็ดีตามไปด้วย ป้าดา แบ่งปันว่า “คุณหมอบอกว่า ป้าไม่น่าอยู่ได้นานป่านนี้เลย หมอยังงงว่า คนอื่นที่มีโรคเยอะแยะแบบนี้ เขาจากไปไวมาก แต่สำหรับตัวป้าเอง พอได้มาอุทิศตัวเอง ทำจิตอาสาจริงๆ จังๆ แล้ว รู้สึกว่ากลับมาแข็งแรงกว่าเดิมนะ ตอนเพิ่งปลดเกษียณมา อาการไม่ค่อยดีเท่าไร แต่พอได้มาทำงานจิตอาสา เหมือนได้ออกกำลังกายจนเหงื่อออก ร่างกายมันเลยดีขึ้นค่ะ”
เมื่อค้นพบเส้นทางที่ถูกต้อง ป้าดาจึงมุ่งมั่นตั้งใจทำงานจิตอาสา หวังทำประโยชน์แก่สังคม สร้างกำลังใจให้ตนเองต่อสู้กับความเจ็บป่วยต่อไป ป้าดาแบ่งปันทิ้งท้ายว่า “ชีวิตเรายังมีความสุขอีกมาก มีความสุขที่ได้อยู่กับลูก และเราดีใจที่ยังสามารถไปทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ เรามีความสุขมาก ในเมื่อเรายังมีกำลังที่จะทำได้ แล้วเราจะรีบตายไปทำไม”